การใช้ฮอร์โมนในการเพิ่มน้ำยางพารา
นับ เป็นเวลาที่เนิ่นนาน ที่มนุษย์พยายามค้นหาวิธีในการที่จะเพิ่มน้ำยางพาราให้ได้มากกว่าที่ เป็นอยู่ ในที่สุดก็พบว่าในทุกครั้งที่มีการกรีดยางหรือทำให้เปลือกยางได้รับบาดแผลจน น้ำยางไหลออกมา ต้นยางก็จะสร้างฮอร์โมนพืชที่มีชื่อว่า “เอทธิลีน” ขึ้นในบริเวณเปลือกยางโดยเอทธิลีนจะมีผลต่อการไหลของน้ำยาง ในปัจจุบันจึงมีการผลิตแก๊สเอทธิลีน ซึ่งถือเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมนพืช มาเป็นตัวการเพิ่มน้ำยางมากขึ้นกว่าเดิม 3-10 เท่าต่อวัน หรือ 2.5-4 เท่าต่อเดือน
เอทิลีน เป็นฮอร์โมนพืชชนิดเดียวที่อยู่ในรูปแก๊ส และมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชเป็นอย่างมากไม่มีสี มีกลิ่นเล็กน้อย จัดเป็นสารอินทรีย์ประเภทไฮโดรคาร์บอน ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารที่มีคาร์บอน และเกิดจากการสร้างขึ้นของพืช เอทิลีนจะช่วยเพิ่มน้ำยางพารา ส่งผลให้น้ำยางไหลเร็วและนานขึ้น จึงมีความสำคัญกับต้นยางพาราเป็นอย่างมาก
เมื่อมีการกรีดยางพาราทุกครั้ง เท่ากับต้นยางมีแผลสารเอทิลีนจะออกฤทธิ์คือ กรด chloroethylphosphonic ซึ่งมีผลในการเพิ่มน้ำยาง ทำให้ได้รับผลผลิตน้ำยางเพิ่มขึ้น เพราะเอทิลีนไปเร่งการทำงานของเอนไซม์ ATPase ทำให้โปรตอนเกิดการเหนี่ยว และเข้าสู่เซลล์การสังเคราะห์ยาง จะช่วยเร่งการเคลื่อนย้ายน้ำตาลซูโครส ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์น้ำยาง แก๊สเอทธิลีนจะทำให้เม็ดยางในน้ำยางจับตัวช้าลง น้ำยาจึงสามารถไหลออกจากต้นยางได้นานกว่าปกติ เมื่อกรีดหรือเจาะเปลือก จึงเป็นการเพิ่มน้ำยางอย่างหนึ่ง อีกทั้งถ้ามีการดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มต้นเปิดกรีดใหม่ จะช่วยขยายอายุการกรีดยางได้มากกว่า 50 ปี